คริสตัลคือการนำแก้วมาเจียระไนแต่กระบวนการผลิตมีมากกว่าเพียงนำก้อนแก้วมาเจียระไนเท่านั้น แก้ว-glass เป็นสารประกอบของซิลิกาหรือทรายกับสารโลหะออกไซด์ โดยหลอมให้ถึงจุดละลายที่อุณหภูมิสูงเปลี่ยนสถานะเป็นของเหลวและเมื่อเวลาเย็นตัวลงจะกลายเป็นของแข็งโดยไม่ตกผลึก เนื้อโปร่งใส ทนต่อสารเคมี และมีความเปราะ แก้วผลึกหรือ คริสตัล-crystal หรือแก้วตะกั่ว-lead glass มีสารผสมของตะกั่วออกไซด์มากกว่า 24% ทำให้มีค่าดัชนีหักเหสูงกว่าแก้วทั่วไป มีประกายแวววาวสวยงาม ตกแต่งด้วยการตัด เจียระไน และแกะสลักเป็นลวดลายต่างๆ ได้ เมื่อเคาะจะมีเสียงดังกังวานไพเราะ ตัวแก้วให้ประกายใสบริสุทธิ์ ไม่มีสี หรือมีก็เป็นสีสดใส ยังมีคุณสมบัติต้านทานไฟฟ้าดี จึงนำไปทำหลอดโทรทัศน์และหลอดนีออนได้ด้วย นอกเหนือไปจากเป็นเครื่องประดับตัวก็ได้ ประดับบ้านก็งาม
แก้วคริสตัลเนื้อดีที่มีความใสขาวสะอาดต้องใช้ทรายแก้วบริสุทธิ์ที่มีปริมาณเหล็กเจือปนน้อยมาก และต้องใช้ตะกั่วปริมาณสูงเพื่อให้ความแวววาวสูง ซึ่งในการผลิตให้ได้เนื้อดีและปราศจากสิ่งเจือปน ต้องอาศัยการควบคุมคุณภาพที่ดียิ่งและใช้ฝีมือในการเจียระไน กระบวนการผลิตเริ่มจากผสมซิลิกาออกไซด์ 54-65% ตะกั่วออกไซด์ 18-38% โซดา 13-15% หรือโปแตซและสารประกอบออกไซด์ชนิดอื่นๆ ให้เข้ากัน หลอมด้วยอุณหภูมิ 1,600 องศาเซลเซียส โดยใช้พลังงานความร้อนจากน้ำมันเตา ไฟฟ้าและแก๊ส วัตถุดิบที่หลอมละลายเป็นเนื้อเดียวกันแล้วจะไหลผ่านคอเตาและจะทำการควบคุมอุณหภูมิให้เหลือ 1,000-1,200 องศาเซลเซียสตามที่ต้องการ ก่อนที่น้ำแก้วจะถูกลำเลียงเข้าสู่เครื่องจักรการขึ้นรูปและลำเลียงสู่เตาอบเพื่อลดความเครียดในเนื้อแก้วด้วยการค่อยๆ ลดอุณหภูมิลงทำให้ขวดแก้วเกิดความแข็งแรง ออกจากเตาอบแล้วแก้วจะเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบ ความแตกต่างในคุณภาพระหว่างแก้วทั่วไปกับคริสตัล สายตามหาชนดูออกแน่นอน นอกจากนี้ยังมีข้อสังเกตง่ายที่สุดคือด้วยส่วนผสมและการผลิตที่ซับซ้อนและความละเอียดงามประณีตของเนื้องาน ทำให้คริสตัลมีราคาแพง