นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มเข้าสู่ช่วงขาลงจากกำลังซื้อภายในประเทศและต่างประเทศ ที่ชะลอตัวในปีนี้ ได้ส่งผลกระทบต่อยอดขายและผลกำไรของลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอีของธนาคารค่อนข้าง มาก สะท้อนได้จากยอดการเบิกใช้สินเชื่อหมุนเวียน(working cap)ของลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอีในเดือนส.ค.ที่ผ่านมา ที่ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 61% ของวงเงินให้สินเชื่อ จากในช่วงต้นปีมียอดการเบิกใช้อยู่ที่ 68%

อย่างไรก็ดี ธนาคารพบว่าความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีส่วนใหญ่ยังคง อยู่ในภาวะปกติ เนื่องจากธุรกิจเอสเอ็มอีมีต้นทุนการผลิตที่ยืดหยุ่น เมื่อคำสั่งซื้อลดลงต้นทุนจะลดตามไปด้วย ขณะเดียวกัน ยังพบว่าลูกค้าส่วนใหญ่ก็ยังมีกำไรสะสมจากช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมาซึ่งเศรษฐกิจเป็นขาขึ้นอยู่ ทำให้ระดับหนี้เสียของธนาคารยังทรงตัวอยู่ที่ระดับ 3.02%
“ปีนี้เอสเอ็มอีได้รับผลกระทบพอสมควรในเชิงผลกำไร แต่ยังไม่ถึงขั้นล้มหายตายจาก แต่ก็ยังต้องจับตาดูต่อในปีหน้าซึ่งเรามองว่าเศรษฐกิจจะยังเป็นขาลง โดยธนาคารตั้งเป้าเติบโตสินเชื่อในปีหน้าไว้ที่ 10% แต่การปล่อยสินเชื่อใหม่ในภาวะแบบนี้คงต้องระมัดระวัง ขณะที่การกู้จากลูกค้าเดิมน่าจะมีไม่มาก นี่ถือเป็นโจทย์ที่เราจะต้องเผชิญ” นายพัชร กล่าว
นายพัชร กล่าวว่า ตัวแปรสำคัญที่ต้องติดตามในปีหน้าคือความรวดเร็วในการเบิกใช้งบประมาณลงทุน โครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ ซึ่งหากสามารถทำได้เร็วก็คาดว่ายอดการเบิกใช้สินเชื่อหมุนเวียนของธุรกิจเอส เอ็มอีกลุ่มผู้รับเหมาและผู้ค่าวัสดุก่อสร้างน่าจะฟื้นกลับมาได้อีกครั้ง นอกจากนี้ ธนาคารยังคาดว่าธุรกิจที่อยู่ในภาคบริการและการท่องเที่ยวจะได้รับประโยชน์ จากนโยบายส่งเสริมของภาครัฐเช่นกัน

แหล่งข่าวจาก posttoday…